เป็นเทรนด์ไปทั่วโลกเสียแล้ว เมื่อครูส่วนใหญ่ต้องทำงานนอกควบคู่กับงานสอนมากขึ้น
เป็นที่ทราบกันดีว่าความรับผิดชอบใหม่ๆที่ผุดขึ้นมาในชีวิตการทำงานครู เช่น การจัดการข้อมูล งบประมาณ หรือในต่างประเทศจะครอบคลุมไปถึงงานดูแลและรักษาสุขภาพของผู้เรียน
Peter Tait นักเขียนบทความการศึกษาจาก Telegraph ได้กล่าวถึงภาระงานของครูไว้น่าสนใจและหลากประเด็น
7 ปีที่ผ่านมาครูใช้เวลาในห้องเรียนน้อยลง
เมื่อสัปดาห์ก่อน Ross McGill เจ้าของเว็บไซต์ Teacher Toolkit ซึ่งเป็นครูผู้ส่งอิทธิพลในด้านการศึกษาที่ชาวอังกฤษส่วนใหญ่ติดตามบทความของเขา ได้กล่าวว่า เมื่อปี 2000 เขาได้ให้เวลากับคลาสเรียนมากถึง 90% และอีก 7 ปีให้หลัง เหลือแค่ 72% เขาถามตัวเขาเองว่า
เราใช้เวลากับเด็กนักเรียนน้อยลง แล้วผมจะเป็นครูน้อยลงไหมเนี่ย — Ross McGill
3 แรงกดดันคลาสสิคที่ครูต้องเผชิญ
แรงกดดันที่มีต่อครูสามารถแบ่งออกเป็นสามส่วนหลัก ๆ ดังนี้
- การรายงานข้อมูลให้กับเบื้องบน (Reporting) – ครูมักถูกคาดหวังให้ติดตามการวัดประเมิน การบันทึก และรายงานข้อมูลให้ถูกต้องและแม่นยำ จากกิจกรรมต่างๆ ซึ่งเวลาที่ใช้ทำรายงานข้อมูลนั้น มักไปกระทบกับการเตรียมสอนอยู่เสมอ
- การเน้นผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนให้อยู่ในช่วง A ถึง C หรือเกรด 3 ถึง 4 ในบ้านเรา
- การจัดอันดับ Ofsted กลายเป็นแรงกดดันให้เกิดการปรับปรุงสถาบันการศึกษารวมถึงครูด้วย ซึ่งถูกเอาไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการ หากเปรียบเทียบกับประเทศไทยก็คล้ายๆกับการจัดอันดับโรงเรียนโดยหน่วยงานภายนอก ซึ่งภาระที่ต้องจัดการเกี่ยวกับการวัดและการประเมินผลทางการศึกษาก็ต้องใช้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้ามาในกระบวนการ ซึ่งคนที่หนีไม่พ้นก็ต้องเป็นครูอีกนั่นเอง
ความต้องการจากทุกฝ่าย
หากท่านลองพิจารณาสถานการณ์ตอนนี้ดีๆ แล้วจะรู้ว่า ครูเป็นผู้ที่แบกรับภาระกับสิ่งที่คุมไม่ได้ ในขณะที่ต้องรับผิดชอบงานอื่นๆเพิ่มขึ้น นโยบายจากเบื้องบนก็ต้องการลดจำนวนเจ้าหน้าที่พนักงาน เพื่อลดต้นทุนในการจัดการศึกษา ขณะเดียวก็คาดหวังว่านักเรียนจะได้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน หรือมีความรู้เกินมาตรฐานที่กำหนด หากเปรียบเทียบสถานการณ์ดังกล่าวเหมือนมีคนมาขอร้องให้ท่านทำงาน A B C พร้อมๆกัน และต้องทำให้ได้ดีมีคุณภาพ ภายใต้เวลาอันจำกัด ความกดดันจะไม่เกิดขึ้นได้อย่างไร
รัฐคืนเวลาให้ครูจริงหรือ?
สถานการณ์การศึกษาในอังกฤษไม่ต่างจากไทยมากนัก ตรงที่มีการคืนเวลาให้ครูผ่านการโฆษณาว่าให้จัดการเรียนการสอนแบบร่วมมือ (Collaborative teaching) หรือใช้การสอนแบบ Project Based หรือโครงงานเป็นฐานในการเรียนรู้ระหว่างครูและนักเรียน แต่เขาก็ลืมคำนึงไปว่า
จะเอาเวลา และทรัพยากรที่ไหนไปจัดการเรียนรู้แบบนั้นได้ ในเมื่อครูก็มีหน้าที่รับผิดชอบมากขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้าย Peter Tait ได้สรุปอย่างกระแทกใจครูหลายคนว่า อาชีพครูเป็นอาชีพที่ได้รับความกดดันรอบด้าน – งานหนัก งบประมาณที่ให้ความช่วยในการเรียนการสอนน้อยลง จึงไม่แปลกใจที่ในหลายๆประเทศเริ่มรายงานว่า ครูส่วนใหญ่ลาออกมาเป็นติวเตอร์มากขึ้น เพราะพวกเขาอยากจะสอน
Read Original Article and More Detail & Media
“Teachers must be freed from the shackles of admin work in order to do their job properly.“. [Online]. via : telegraph.co.uk 2017.